วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

ทำไมยาคู้ลท์ถึงมีแต่ขนาด 80 ซีซี






เพราะยาคูลท์เป็นผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวที่ได้จากการหมัก โดยเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นแบคทีเรียชื่อ แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus)
ที่ทำให้เกิดรสชาติเปรี้ยวเนื่องจากเกิดกรดขึ้นมาหลายชนิดระหว่างกระบวนการหมัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรดแลคติก
ปัจจุบันใช้เชื้อชื่อ Lactobacillus Balgaricu ร่วมกับStroptococcus themophilus ในอุตสาหกรรมผลิตนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต
โดยปกติธรรมชาติแล้ว จุลินทรีย์ชนิดนี้มีอยู่แล้วตามทางเดินอาหารของคนเรา
และเป็นจุลินทรีย์ที่ดีมีประโยชน์ ช่วยทำให้เกิดกระบวนการย่อยและหมักในทางเดินอาหาร
แต่ถ้ามีจำนวนมากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อเราได้เช่นเดียวกัน คืออาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
เพราะจุลินทรีย์ผลิตกรดขึ้นมา ซึ่งเป็นผลทำให้ยาคูลท์ผลิตขนาดเดียว คือ 80 ซีซี ที่พอเหมาะกับปริมาณของเชื้อแลคโตบาซิลลัส โดยจะสังเกตข้างขวดที่เขียนไว้ว่า มีปริมาณเชื้อแลคโตบาซิลลัส 8.0x10 ( ยกกำลัง 9 ) ถ้าทำยาคูลท์ให้มีขนาดขวดใหญ่พอๆ กับยาคูทล์ 6 ขวดเล็กรวมกันแล้วละก็ คงไม่ดีต่อผู้บริโภคแน่ เพราะจะทำให้ได้รับปริมาณเชื้อแลคโตบาซิลลัสมากเกินพอ หรือถ้าจะทำขนาด 450 ซีซี ขึ้นมาจริงๆ แล้ว ลดปริมาณแลคโตบาซิลลัสลงอาจจะทำได้ แต่เชื่อแน่ว่ารสชาติของยาคูลท์อาจจะเปลี่ยนไปไม่อร่อยเหมือนเคย และถ้าหากเราทานยาคูลท์วันละ 6 ขวด เพื่อความอร่อยแต่อาจเกิดโทษขึ้นได้ทานวันล่ะขวดก็เพียงพอแล้ว คนที่ไม่ทานเลยก็ไม่เป็นอะไร เพราะว่าในร่างกายของเรามีจุลินทรีย์ชนิดนี้อยู่เรียบร้อยแล้ว อีกเรื่องที่ควรสังเกตเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่บริโภคยาคูลท์ก็คือ อย่าลืมดูวันหมดอายุข้างขวดและเลือกซื้อจากตู้แช่ที่เก็บไว้ใน อุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสเเพราะจะทำให้ได้จุลินทรีย์ที่พร้อมจะทำงานให้เราได้ทันที

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

ไมเกรน


























ถึงอย่างไร..เราทุกคนก็มีสิทธิ์จะเป็นเจ้าไมเกรนนี้ได้ เนื่องจากสภาวะในปัจจุบันที่เอื้อต่อโรคเครียดเหลือเกิน

ลองอ่าน 15 ข้อแนะนำต่อไปนี้ แล้วลองพิจารณาดูว่าคุณเข้าข่ายเป็นไมเกรนหรือแค่ปวดหัวธรรมดากันแน่






1. อย่าคิดว่าไมเกรนเป็นแค่อาการปวดหัวธรรมดา

คนที่เป็นไมเกรนจะปวดหัวรุนแรง และมักปวดหัวข้างเดียว ถ้าหากไม่ไดรับการรัษาโดยทันที คุณอาจจะต้องทรมานปวดหัวต่อไปอีกถึง 4 ชั่วโมง นานถึง 3 วันติดกัน นอกจากนี้อาจะมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ แพ้แสงในลักษณะเห็นแสงแบบดาวระยิบระยับ หรือมักได้กลิ่นแปลกๆที่ไม่เหมือนกับคนอื่น หากยังละเลยปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ไปพบแพทย์ แน่นอนว่าอาการของคุณก็จะแย่ลงเรื่อยๆ



2. อย่าเก่งด้วยการเป็นหมอรักษาตัวเอง

หลายคนพยายามที่จะรักษาอาการปวดหัวด้วยตัวเองซึ่งถือว่าผิดมหันต์ หากเข้าข่ายเป็นไมเกรน ยาพาราเซตามอน 2 เม็ดคงไม่พอ แต่การเพิ่มปริมาณยาให้มากขึ้น อาจะทำให้คุณติดยาในเวลาต่อมา เพราะบางคนอาจทานยาถึง 16 วันใน 1 เดือน หรือมากกว่า 180 วันใน 1 ปี ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เป็นไมเกรนจำนวนหนึ่งยังคงมีอาการปวดหัวอยู่ เนื่องจากทานยาแก้ปวดมากเกินไปนั่นเอง






3. อย่าทานยาแก้ปวดต่างชนิดในวันเดียวกัน

หากคุณปวดหัวแล้วไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก็อย่าทานยาแก้ปวดหัวที่ต่างชนิดกันบ่อยๆ เพราะอาจจะทำให้มีอาการแย่ลงยิ่งกว่าเดิม ไม่เพียงแค่นั้นยังทำให้แพทย์สันนิษฐานไม่ได้ หากเกิดอาการแพ้ยาขึ้น นอกจากนี้อย่าทานยาตอนท้องว่างเพราะอาจทำให้กระเพาะเกิดการระคายเคือง ทางที่ดีแล้วควรทานอาหารรองท้องก่อนเล็กน้อย แล้วค่อยทานยาเพื่อให้การดูดซึมยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ



4. ไม่ควรทานยาช้าเกินไป

เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกปวดหัว ไม่ควรเพิกเฉย แต่ควรสังเกตอาการเริ่มแรกให้ดีเพื่อที่จะได้หายามาทานให้ทันท่วงที เพราะหากช้าเกินไป เพียงแค่เราสัมผัสผมก็อาจทำให้ปวดหัวได้

ถ้าถึงตอนนั้นยาตัวใดก็ไม่สามารถระงับอาการปวดได้ สัญญาณที่เตือนว่าคุณอาจจะเป็นไมเกรนคือ อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อย เฉื่อยชา โมโหง่าย อยากอาหารบางอย่างเช่น ของหวานๆและออกอาการหาวแต่ไม่ได้ง่วงนอน






5. หากปวดมากกว่า 3 ครั้งต่อเดือน ยาแก้ปวดก็ช่วยไม่ได้แล้ว

หากคุณมีอาการอย่างนี้บ่อยๆ การบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติบางทีก็น่าลองดู เช่น อาจจะจ๊อกกิ้ง ว่ายน้ำหรือขี่จักรยาน ถ้าไม่ถนัดกีฬาที่กล่าวมา ก็อาจจะเล่นกีฬาชนิดไหนก็ได้ที่คุณชอบ

เพียงแต่ขอให้เป็นการเคลื่อนไหวเบาๆ เพียงแค่วันละ 15 นาทีก็เพียงพอ แต่ถ้าแค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ลองเปลี่ยนวิธีเป็นเดินในห้างสรรพสินค้าดูก็ได้ค่ะ แต่ก็มีบางคนที่จะต้องทานยาทุกวัน ถึงแม้ว่าจะไม่ปวดหัวก็ตาม ตัวยาเหล่านี้แตกต่างจากยาแก้ปวดทั่วไปคือ ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวโดยทำให้ระบบทางเดินโลหิตและระบบประสาททำงานเป็นปกติ






6. หาสาเหตุให้ได้ว่าทำไมเราจึงปวดหัว

สาเหตุที่ทำให้ปวดหัวมีมากมาย แต่ละคนก็ปวดหัวด้วยสาเหตุที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นควรหาสาเหตุให้ได้ว่าทำไมเราจึงปวดหัว เมื่อรู้แล้วจะได้หลีกเลี่ยงไม่ทำอย่างนั้น และพร้อมที่จะเผชิญกับมัน


7. อย่าเปลี่ยนกิจวัตรบ่อยๆ

การนอนมากหรือน้อยกว่าปกติ การทานอาหารมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ล้วนเป็นสาเหตุที่อาจทำให้ปวดหัวได้ การที่ทำกิจวัตรต่างๆไม่ต่อเนื่องกันนี้เสี่ยงต่อการปวดหัวโดยเฉพาะกับคนที่เป็น "ไมเกรนช่วงสุดสัปดาห์" ซึ่งไม่ควรเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันช่วงเสาร์ -อาทิตย์มากนัก และอย่าได้ประเมินค่าการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรต่างๆเหล่านี้ต่ำเกินไป โดยเฉพาะยิ่งถ้าหากคุณเพิ่งฟื้นไข้ คุณจะต้องทานยาที่ถูกต้องและพกยาติดตัวไว้เสมอเผื่อว่าเกิดปวดหัวขึ้นมากะทันหัน ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่อาจทำให้ปวดหัวได้






8. อย่าคิดว่าการปวดหัวเป็นผลข้างเคียงจากการมีประจำเดือน

การที่คุณปวดหัวทุกครั้งในช่วงที่มีประจำเดือนหรือช่วง 2 วันแรกก่อนมีประจำเดือน ถึงจะแสดงว่าคุณเป็น "ไมเกรนในช่วงมีประจำเดือน" ซึ่งเกิดจาการที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายลดต่ำลง ทำให้ปวดหัวนานกว่าเดิม มากกว่าเดิม และรักษายากยิ่งกว่าเดิม ในกรณีนี้ไม่ควรเพิกเฉยต่ออาการดังกล่าวแต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูอาการให้แน่ใจ

9. ยาที่ใช้รักษาโรคอื่น อาจทำให้ปวดหัวได้

ยาที่แพทย์สั่งให้ทานเพื่อรักษาโรคอื่นที่เป็นอยู่ อาจมีผลข้างเคียงทำให้เราปวดหัวมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้ ในกรณีนี้ลองให้แพทย์สั่งยาตัวอื่นที่รักษาโรคนั้นๆได้และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆมาทานแทน






10. อย่าพยายามเอาชนะโรคไมเกรนสุดสัปดาห์

บางคนมักปวดหัวในช่วงสุดสัปดาห์เนื่องจากการพักผ่อนมากเกินไป การพักผ่อนนี้นี้ก็เป็นผลมาจากความเครียดสะสมที่เกิดขึ้นตลอดวันทำงานที่ผ่านมา ทางที่ดีเราควรหลีกเลี่ยงเรื่องเครียดต่างๆ แล้วหากิจกรรมอื่นทำ เช่น ปลูกต้นไม้ เล่นกับสุนัข

11. อย่าหยุดทานยาคุมกำเนิดเพียงเพราะว่าปวดหัว

สำหรับผู้หญิงบางคนถ้าทานยาคุม ไมเกรนจะกำเริบมากขึ้น ในกรณีนี้ให้นำยาไปให้สูตินารีแพทย์ดู เผื่อว่าแพทย์จะสั่งยาคุมตัวอื่นที่เหมาะกับเราให้เราลองทานดูได้ อย่างไรก็ตามหญิงสาวที่เป็นไมเกรน และทานยาคุมกำเนิดด้วยนั้นจะต้องไม่สูบบุหรี่เป็นอันขาด เพราะจะเสี่ยงต่อการที่เลือดแข็งตัวผิดปกติได้






12. หากคุณอยู่ในช่วงวัยทอง อย่าทำการบำบัดฮอร์โมน

การบำบัดฮอร์โมน อาจยิ่งทำให้อาการปวดหัวแย่ลง หากจำเป็นจริงๆให้แพทย์สั่งยาที่จะช่วยคงสมดุลของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายที่เหมาะกับเราให้ดีกว่า

13. อย่าทานยาแก้ปวดในขณะที่ตั้งครรภ์อยู่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 เดือนแรกที่ตั้งครรภ์ เพราะยาแก้ปวดบางตัวอาจจะทำให้แท้งลูก หรือทำให้ลูกที่อยู่ในครรภ์พิการได้ ดังนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าทานยาได้หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์เสียก่อน






14. อย่ารักษาแต่อาการปวดหัว อาการแทรกซ้อนอื่นๆก็ต้องรักษาด้วย

โดยปกติไมเกรนอาจก่อนให้เกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆด้วย เช่น วิงเวียนและคลื่นไส้อาเจียน ในกรณีนี้ให้ทานยาแก้วิงเวียน ซึ่งจะทำให้กระเพาะอาหารซึมซับยาได้ดีขึ้นและทำให้หายปวดหัวได้ ส่วนอาการแทรกซ้อนอีกอย่างก็คือ คลื่นไส้อาเจียน ควรไปพบแพทย์เพื่อสั่งยาให้

15. ไม่ได้มีแต่ตัวยาที่ช่วยแก้ปวดหัว

หากคุณได้รับความทุกข์ทรมานจากการปวดหัวอยู่บ่อยๆ ยังมีทางเลือกอื่นที่จะรักษาอาการปวดหัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผู้เชี่ยวชาญพิเศษแนะนำนั่นก็คือ ไบโอฟีตแบ็ก (Biofeedback) คือกรรมวิธีการรักษาผู้ที่ป่วยเป็นโรคไมเกรนหรือโรคเครียดที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่ง

นอกจากนี้ยังช่วยรักษาผู้ที่เป็นแผลเรื้อรัง ระบบขับถ่ายไม่ดี ความดันเลือดสูง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ฯลฯ เทรนนิ่งออโตเจโน (Training Augogeno) คือการควบคุมตัวเองเพื่อให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย เหมาะกับคนที่ชอบวิตกกังวล เป็นไมเกรน มีความเครียดสูง หรือเป็นโรคหอบหืด และการฝังเข็ม วิธีการเหล่านี้ต่างก็ได้รับการยืนยันว่าช่วยลดอาการปวดหัวได้






Tips

1. หากคุณคิดว่าตัวเองเป็นไมเกรนแน่นอนแล้ว คุณควรจะหาชาสมุนไพรเก๊กฮวยดื่ม ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้

2. หากใครกำลังใช้ยารักษาไมเกรนยี่ห้อ Avamigram, Cafergot, Degran, Poligot-CF และ Polygot ควรจะต้องรู้ว่าห้ามทานเกิน 6 เม็ดต่อวัน หรือ 10 เม็ดต่อสัปดาห์

หากต้องการให้ได้ผลควรนอนพักผ่อนในห้องที่มืด เงียบ และอุณหภูมิที่เหมาะสม แต่หากมีอาการข้างเคียง เช่น ขาไม่มีแรง เจ็บหน้าอก แขน คอ ไหล่หรือปวดท้อง ปลายมือเท้าชา และรู้สึกเย็นซ่า รีบหยุดยาแล้วไปพบแพทย์ทันที

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

พิธีรำลึกเหตุการณ์ 9/11 ก่อการร้ายในนิวยอร์ก !








จัดพิธีรำลึกเหตุการณ์ 11 กันยายนถล่มตึกเวิลด์เทรดและเพนตากอน รวมใจคนอเมริกันเป็นหนึ่งเดียว ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงยังไม่วางใจการก่อการร้าย กลุ่มทาลิบานใช้รถระเบิดพลีชีพถล่มฐานทัพอเมริกันในอัฟกานิสถานเจ็บ 77 ตาย 5ที่นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2011 รัฐบาลอเมริกันได้จัดพิธีรำลึกครบรอบ 10 ปีของเหตุการณ์ที่กลุ่มก่อการร้ายจี้เครื่องบินเข้าพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดและตึกเพนตากอนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 ราย พิธีเริ่มต้นด้วยการบรรเลงปี่สก๊อตไว้อาลัย และร้องเพลิงชาติสหรัฐ โดยมีทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำคนปัจจุบันและมิเชล โอบามา ภรรยา ตลอดจนจอร์จ ดับเบิลยู บุช อดีตประธานาธิบดีในวันเกิดเหตุพร้อมด้วยลอรา บุช เข้าร่วมพิธีกันอย่างพร้อมหน้าปีนี้นับเป็นปีแรกที่ประธานาธิบดีโอบามา และอดีตประธานาธิบดีบุช เข้าร่วมพิธีรำลึกพร้อมกัน นอกจากนั้นยังมีผู้ร่วมพิธีประกอบด้วยครอบครัวของผู้เสียชีวิต,นายไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนิวยอร์กคนปัจจุบัน และนายรูดอล์ฟ จูลีอานี อดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์กขณะเกิดเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมบริเวณกราวนด์ซีโร่ สถานที่ตั้งของอาคารคู่เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ พิธีเริ่มต้นด้วยขบวนนักดนตรีขับขานเสียงปี่สก๊อต และเพลงชาติสหรัฐฯ ก่อนการสงบนิ่งช่วงแรกเวลา 8.46 น. ซึ่งเครื่องบินลำแรกพุ่งชนอาคารด้านเหนือของตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ จุดเริ่มต้นของวินาศกรรม 11 กันยายนการสงบนิ่งไว้อาลัยมีทั้งหมด 6 ช่วงด้วย ประกอบด้วยนาทีที่เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดทั้งสอง,นาทีที่เครื่องบินชนอาคารเพนตากอน,นาทีที่เครื่องบินลำที่ 4 ตกในรัฐเพนซิลเวเนียและนาทีที่ตึกคู่เวิลด์เทรดถล่มลงมาพิธีการรำลึกทุกๆ ปี ญาติของเหยื่อจะสลับกันขึ้นอ่านรายนามผู้เสียชีวิต ผู้รับหน้าที่อ่านชื่อเหยื่อเคราะห์ร้ายต้องกล้ำกลืนความรู้สึก ขณะประกาศชื่อบุคคลอันเป็นที่รักของตนที่จากไปอย่างมิอาจหวนกลับ

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

สองพี่น้องตระกูลกริมม์ จ๊ะ ^^

พี่น้องตระกูลกริมม์




พี่น้องตระกูลกริมม์ (อังกฤษ: The Brothers Grimm; เยอรมัน: Die Gebrüder Grimm) หรือ ยาค็อบ กริมม์ (ค.ศ. 1785-1863) และวิลเฮล์ม กริมม์ (ค.ศ. 1786-1859) นักวิชาการชาวเยอรมันซึ่งเป็นที่รู้จักโด่งดังจากผลงานการรวบรวมนิทานพื้นบ้านและเทพนิยาย รวมถึงผลงานเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางภาษาที่มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา (กฎของกริมม์ หรือ Grimm's Law) นับว่าเป็นนักเล่านิทานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคู่หนึ่งในยุโรป ซึ่งทำให้เทพนิยายมากมายแพร่หลายไปทั่วโลก เช่น รัมเพลสทิลสกิน, สโนไวท์, ราพันเซล, ซินเดอเรลล่า และ แฮนเซลกับเกรเธล

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

Schengen Agreement

Schengen Agreement





The Schengen Agreement is a treaty signed on 14 June 1985 near the town of Schengen in Luxembourg, between five of the ten member states of the European Economic Community. It was supplemented by the Convention implementing the Schengen Agreement 5 years later. Together these treaties created Europe's borderless Schengen Area, which operates very much like a single state for international travel with border controls for travellers travelling in and out of the area, but with no internal border controls.The Schengen Agreements and the rules adopted under them were entirely separate from the EU structures until the 1997 Amsterdam Treaty, which incorporated them into the mainstream of European Union law. The borderless zone created by the Schengen Agreements, the Schengen Area, currently consists of 25 European countries, covering a population of over 400 million people and an area of 4,312,099 square kilometers (1,664,911 sq mi).

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

แหนมเนือง !!

แหนมเนืองคืออาหารเวียดนาม ที่คนไทยนิยมซื้อมารับประทานกัน มีส่วนประกอบต่างๆมากมาย โดยเฉพาะผัก ที่มีหลากหลาย คนที่ชอบกินผักจึงชอบกินแหนมเนือง และนิยมซื้อ ฉันก็เป็นคนนึงที่เคยรับประทาน พอได้กินเข้าไปแล้ว รู้รสชาติเลยว่าอร่อยมาก แต่ผักเยอะไปนิดนึง แล้วเราก็มารู้จักส่วนประกอบโดยคร่าวๆกันดีกว่าค่ะ
แหนมเนือง ที่คัดสรรค์อย่างดีจากเนื้อหมูส่วนขาหลัง ที่เป็นส่วนไม่มีมัน ปรุงรสด้วยเครื่องเทศและเสียบไม้ย่าง ทานคู่กับผักสดๆ อย่างผักกาดหอม สะระแหน่ ผักแพว ใบชะมวง และเครื่องเคียงอย่างกล้วยน้ำว้าดิบ แตงกวา มะเฟือง พริก กระเทียม ห่อด้วยแผ่นแป้ง (แผ่นกระยอ) ที่บาง เหนียวนุ่ม ทำมาจากแป้งข้าวเจ้า สั่งทำพิเศษมาจากท่าบ่อ ของภาคอีสาน และน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่ใช้ตับบด มันฝรั่ง และไม่ใช้น้ำมะขามเปียก