วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

อันตรายจากการเล่นคอมนานๆ


จากการเล่นคอมนานๆฉันสังเกตได้ว่าทุกๆคนรวมถึงตัวฉันเอง รู้สึกปวด แสบตา ฉันจึงลองมาหาข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของการเล่นคอมนานๆว่าจะมีผลกระทบต่อตัวเราอย่างไร...


นักวิจัยมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน ชื่อดังของอังกฤษ ศึกษาพบว่า การอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือทีวี วันหนึ่ง ๆ นาน 4 ชม. จะทำให้ตกอยู่ใต้ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจมากถึง 2 เท่า


พวกเขา ได้ระบุว่า ผู้ที่ทำตัวเช่นนั้นจะเสี่ยงกับการเป็นโรคหัวใจใหญ่มากถึงร้อยละ 25 ซึ่งอาจจะนำไปสู่การเสียชีวิตได้เนือง ๆ มากกว่าผู้ที่อยู่นาน แค่วันละ 2 ชม. หรือไม่ถึง และยังพบด้วยว่า ผู้ที่อยู่หน้าจอเป็นเวลานานเกินไป มีหวังที่จะเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ๆ มากถึงร้อยละ 48 แม้จะออกกำลังก็ไม่อาจชดเชยความเสียหายนั้นได้


สาเหตุเนื่องจากการ นั่งนาน ๆ จะก่อให้เกิดการอักเสบและเกิดปัญหาในการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน นอกจากนั้นยังทำให้การผลิตเอนไซม์ลิโพ โปรตีนซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจ อันจำเป็นแก่ชีวิต ลดน้อยลงไปถึงร้อยละ 90


นักวิจัยเอมมานูเอล สตามาตาคิส แนะนำว่า ผู้ที่ต้องทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์นาน ๆ ควรจะลดความเสี่ยงลง ให้หาโอกาสพักเดินระยะสั้น ๆ ทุก ๆ 20 นาที การยืนหรือเคลื่อนไหวจะช่วยให้ใช้พลังงานมากยิ่งกว่าการนั่งอยู่เฉย ๆ ขึ้นอย่างต่ำได้ร้อยละ 50 เลยทีเดียว








วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

อันตรายจากเส้นก๋วยเตี๋ยว...



...วันหนึ่งฉันไปกินก๋วยเตี๋ยวกับน้องฉันสั่งเส้นเล็กมากิน ฉันสงสัยว่าทำไมคนเลือกที่จะกินก๋วยเตี๋ยวเป็นอันดับสองรองจากข้าว และฉันก็คิดอีกว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวมันมีอันตรายรึป่าวคนถึงเลือกที่จะกิน ฉันเลยลองมาค้นหาดู...


<< อันตรายจากเส้นก๋วยเตี๋ยว >> อันตรายจากเส้นเล็กและเส้นหมี่ ถ้ารับประทานมากๆ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคตับและโรคไตสูง ผลวิจัยชี้เส้นก๋วยเตี๋ยวมหาภัย เติมสารกันบูดเกินมาตรฐานอื้อโดยเฉพาะเส้นเล็ก และเส้นหมี่ เสี่ยงตับไตพัง


เผยบะหมี่เหลือง-วุ้นเส้นปลอดภัยกว่า แนะผู้ประกอบการอย่าโลภผลิตขายข้ามจังหวัดจนต้องใส่สารกันบูด จำนวนมาก ก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารที่คนไทยนิยมบริโภค และเส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารได้หลายชนิด ทำให้มีการแข่งขันทางการตลาดสูง จากก๋วยเตี๋ยวส่วนใหญ่เป็นเส้นสดที่ค้างหลายวันไม่ได้ ผู้ประกอบการจึงมีการเติมสารกันบูด เพื่อยืดอายุเส้นก๋วยเตี๋ยว ทำให้ยืดระยะเวลาการจำหน่าย ซึ่งสารกันบูดที่นิยมใช้คือ กรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิก


ถ้าร่างกายได้รับปริมาณสูงเป็นเวลานานจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับและไตลดลง ดังนั้น คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานอาหารสากล (Codex) ได้กำหนดให้ใช้กรดเบนโซอิกในเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม


ผลการตรวจวิเคราะห์พบปริมาณกรดเบนโซอิกตั้งแต่ 1,079-17,250 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณที่กำหนดกรดเบนโซอิกในเส้นก๋วยเตี๋ยวตามมาตรฐานสากล โดย


ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก 17,250 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เส้นหมี่ 7,825 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ก๋วยจั๊บเส้นใหญ่ 7,358 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ก๋วยจั๊บเส้นเล็ก 6,305 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม บะหมี่โซบะ 4,593 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 4,230 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม


ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่า จากผลวิจัยดังกล่าวทำให้ความเชื่อเดิม ที่คิดว่าเส้นหมี่ ซึ่งมีลักษณะแห้งจะมีวัตถุกันเสียน้อย แต่จะพบมากในเส้นใหญ่ที่มีความชื้นสูงนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่า กลับมีการใส่วัตถุกันเสียเยอะมากเป็นอันดับ 2 รองจากเส้นเล็ก ส่วนเส้นที่ไม่พบสารเลยคือ เส้นบะหมี่เหลืองเพราะผลิตจากแป้งสาลี ส่วนเส้นอื่นๆ จะผลิตจากแป้งข้าวเจ้าที่มีความชื้นสูง ทำให้ราขึ้นง่าย จึงมีการใส่วัตถุกันเสีย ขณะที่วุ้นเส้นไม่มีปัญหาเช่นกัน


วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

วันสงกรานต์ของไทย...

สงกรานต์ เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึงการเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี หรือคือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวต่างประเทศเรียกว่า "สงครามน้ำ"



ตามหลักแล้วเทศกาลสงกรานต์ถูกกำหนดตามการคำนวณโดยหลักเกณฑ์ในคัมภีร์สุริยยาตร์ โดยวันแรกของเทศกาลซึ่งเป็นวันที่พระอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษ (ย้ายจากราศีมีนไปราศีเมษ) เรียกว่า "วันมหาสงกรานต์" วันถัดมาเรียกว่า "วันเนา" และวันสุดท้ายซึ่งเป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชและเริ่มใช้กาลโยคประจำปีใหม่ เรียกว่า "วันเถลิงศก" จากหลักการข้างต้นนี้ ทำให้ปัจจุบันเทศกาลสงกรานต์มักตรงกับวันที่ 14-16 เมษายน (ยกเว้นบางปี เช่น พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2555 ที่สงกรานต์กลับมาตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน) อย่างไรก็ตาม ปฏิทินไทยในขณะนี้กำหนดให้เทศกาลสงกรานต์ตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี และเป็นวันหยุดราชการ





สงกรานต์ เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ คำว่าตรุษเป็นภาษาทมิฬ แปลว่าการสิ้นปี


กิจกรรมในวันสงกรานต์


การทำบุญตักบาตร ถือว่าเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้ตัวเอง และ อุทิศส่วนกุศลนั้นแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว การทำบุญแบบนี้มักจะเตรียมไว้ล่วงหน้า นำอาหารไปตักบาตรถวายพระภิกษุที่ศาลาวัด ซึ่งจัดเป็นที่รวมสำหรับทำบุญ ในวันนี้หลังจากที่ได้ทำบุญเสร็จแล้ว ก็จะมีการก่อพระทรายอันเป็นประเพณีด้วย



การสรงน้ำพระการรดน้ำ เป็นการอวยพรปีใหม่ให้กันและกัน น้ำที่รดมักใช้น้ำหอมเจือด้วยน้ำธรรมดา


การสรงน้ำพระจะรดน้ำพระพุทธรูปที่บ้านและที่วัด และบางที่จัด สรงน้ำพระสงฆ์ ด้วย



การรดน้ำผู้ใหญ่ คือการไปอวยพรให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ครูบาอาจารย์ ท่านผู้ใหญ่มักจะนั่งลงแล้วผู้ที่รดก็จะเอาน้ำหอมเจือกับน้ำรดที่มือท่าน ท่านจะให้ศีลให้พรผู้ที่ไปรด ถ้าเป็นพระก็จะนำผ้าสบงไปถวายให้ท่านผลัดเปลี่ยนด้วย หากเป็นฆราวาสก็จะหาผ้าถุง ผ้าขาวม้าไปให้



การดำหัว ก็คือการรดน้ำนั่นเอง แต่เป็นคำเมืองทางภาคเหนือ การดำหัวเรียกกันเฉพาะการรดน้ำผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ผู้สูงอายุ คือการขอขมาในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไปแล้ว หรือ การขอพรปีใหม่จากผู้ใหญ่ ของที่ใช้ในการดำหัวส่วนมากมีผ้าขนหนู มะพร้าว กล้วย และ ส้มป่อย

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

วันอนามัยโลก



ประวัติและความเป็นมาขององค์การอนามัยโลก


องค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นทบวงการชำนาญพิเศษอันมีสัมพันธ์กับสหประชาชาติทบวงหนึ่ง ประกอบด้วยสมาชิก 131 ประเทศ (ธันวาคม 2511) องค์การนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะคุ้มครองและส่งเสริมสุขภาพอนามัยของประชาชนทั่วโลก


องค์การอนามัยโลกได้รับเอางานด้านสุขภาพอนามัยอันมีประเทศต่างๆทั่วโลก ได้ร่วมมือช่วยเหลือกันเป็นการระหว่างชาติตลอดมาเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้วนั้น มาปฏิบัติสืบต่อไปนับได้เริ่มก่อตั้งองค์การขึ้นใน พ.ศ.2491 ความมุ่งหมายดั้งเดิมของการร่วมมือระหว่างชาติในด้านนี้ ก็เพื่อช่วยกันหยุดยั้งการระบาดของโรคต่างๆ แต่ในปัจจุบันความร่วมมือระหว่างชาติในด้านนี้ได้ขยายกว้างขวางออกไปมาก กล่าวคือ เพื่อดำเนินการยกระดับสุขภาพอนามัยในที่ทุกแห่งในโลกและช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าในด้านนี้อาศัยการศึกษา การวิจัยและการแลกเปลี่ยนเรื่องควรรู้ต่างๆ เกี่ยวกับการคุ้มครองส่งเสริมสุขภาพอนามัยของประชาชน


งานขององค์การอนามัยโลก นั้นแยกออกได้เป็น 3 ประเภท คือ


1. พยายามอำนวยความช่วยเหลือให้แก่ประเทศต่างๆ ตามความต้องการเมื่อได้ร้องขอมา 2. จัดให้บริการด้านสุขภาพอนามัยแก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก 3. ส่งเสริมและประสานงานด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศ เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพต่างๆ อันไม่อาจดำเนินไปได้โดยลำพังแต่ละประเทศ


ความสำคัญของวันอนามัยโลก


องค์การอนามัยโลกนับเป็นองค์กรระหว่างประเทศองค์การหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ และสังคมขององค์การสหประชาชาติ โดยอาศัยแนวความคิด และการดำเนินงานขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับการอนามัยที่มีมาก่อน


วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งองค์การอนามัยโลก


1. เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วโลกให้มีพลานามัยอยู่ในระดับสูงสุดเท่าที่สามารถจะทำได้ทั้งในร่างกายและจิตใจ 2. เพื่อประสานงานส่งเสริมการอนามัยระหว่างชาติ และร่วมมือกับรัฐบาลประเทศสมาชิกในการดำเนินงานตามโครงการอนามัยต่างๆ รวมทั้งกำหนดมาตรฐานยา และวัคซีน 3. เพื่อให้บริการทางวิชาการในด้านอนามัยระหว่างประเทศและส่งเสริมการวิจัยทางการแพทย์


ทำไมถึงต้องมี"วันโกหกโลก"


วันเอพริลฟูลส์ (April Fool's Day) หรือเรียกในชื่ออื่นว่า วันเมษาหน้าโง่, วันโกหกเดือนเมษายน, วันเทศกาลคนโง่ เป็นเทศกาลในวันที่ 1 เมษายน วันนี้เป็นวันที่จะอนุญาตให้โกหกต่อกันได้ โดยไม่ถือโกรธ ในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับของวันนี้ อาจมีเหตุการณ์น่าตกใจ ตื่นเต้นเป็นหัวข้อข่าว แต่แล้วในวันรุ่งขึ้นต่อมา จึงได้เฉลยว่าข่าวที่ลงไปนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เทศกาลนี้เริ่มขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศสและเป็นที่นิยมกันไปทั่วโลก ในประเทศไทยเริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้นเรื่อยๆ วันโกหก มีชื่อเรียกว่า วันเมษาฯ หน้าโง่ หรือ April’s Fool Day ประวัติของวันๆนี้ เริ่มต้นที่ประเทศฝรั่งเศส ในยุคศตวรรษที่ 16 ตอนนั้นชาวฝรั่งเศสมีวันปีใหม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน กระทั่งมาถึง ค.ศ.1562 โป๊ป เกรกอรี จึงกำหนดให้ชาวคริสต์ทั่วโลกฉลองวันปีใหม่พร้อมกันวันที่ 1มกราคม คราว นี้สมัยก่อน ข่าวสารไม่ได้กระจายรวดเร็วเหมือนสมัยนี้ คนบ้านนอกของฝรั่งเศสบางกลุ่มยังไม่รู้ แถมบางคนได้ยินแล้วก็ยังไม่เชื่อ เลยฉลองวันปีใหม่กันวันที่ 1 เมษาฯเหมือนเดิม ทำให้พวกไม่ตกยุคเย้ยหยันพวกตกยุคว่าหน้าโง่แถมยังพยายามจะแกล้งหลอกคนกลุ่มนี้เพื่อความสนุกสนานอีกด้วย วันที่ 1 เมษายน ก็เลยกลายเป็นวันที่คนแกล้งหลอกกันด้วยการแต่งเรื่องอะไรก็ไดมาหลอกให้คน อื่นหลงเชื่อ จากนั้นค่อยเฉลยในตอนท้าย ซึ่งเรื่องที่เอามาหลอกนั้นจะต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับเลือดตกยางออก และคนที่ถูกหลอกจะต้องไม่โกรธด้วย เพราะถือว่า วันนี้เป็นวันพิเศษ ยกเว้นให้หนึ่งวัน