วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

Galileo Galilei :)



Galileo Galilei (Italian pronunciation: [ɡaliˈlɛːo ɡaliˈlɛi]; 15 February 1564 – 8 January 1642), was an Italian physicist, mathematician, astronomer, and philosopher who played a major role in the Scientific Revolution. His achievements include improvements to the telescope and consequent astronomical observations and support for Copernicanism. Galileo has been called the "father of modern observational astronomy", the "father of modern physics", the "father of science",and "the Father of Modern Science".
His contributions to observational astronomy include the telescopic confirmation of the phases of Venus, the discovery of the four largest satellites of Jupiter (named the Galilean moons in his honour), and the observation and analysis of sunspots. Galileo also worked in applied science and technology, inventing an improved military compass and other instruments.
Galileo's championing of heliocentrism was controversial within his lifetime, when most subscribed to either geocentrism or the Tychonic system. He met with opposition from astronomers, who doubted heliocentrism due to the absence of an observed stellar parallax. The matter was investigated by the Roman Inquisition in 1615, and they concluded that it could only be supported as a possibility, not as an established fact. Galileo later defended his views in Dialogue Concerning the Two Chief World Systems, which appeared to attack Pope Urban VIII and thus alienated him and the Jesuits, who had both supported Galileo up until this point. He was tried by the Inquisition, found "vehemently suspect of heresy", forced to recant, and spent the rest of his life under house arrest. It was while Galileo was under house arrest that he wrote one of his finest works, Two New Sciences. Here he summarized the work he had done some forty years earlier, on the two sciences now called kinematics and strength of materials.

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555

Beatbox ??



เกิดขึ้นเพราะสมัยก่อนมันยังไม่มีเครื่องดนตรีมากเท่าปัจจุบัน พวก Street Rap ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนผิวดำ จึงคิดจังหวะบีทง่ายๆ เพื่อใช้รับส่งจังหวะแร็ปกันรูปแบบของ Beatbox จะแตกต่างกับ ACappella ตรงที่ว่า A Cappella จะเป็นการทำเสียงดนตรีแยกกันคนละชิ้น อย่างคนหนึ่งทำเสียงกระเดื่อง คนหนึ่งฉาบ คนหนึ่งสแนร์ คนหนึ่งเบส คนหนึ่งเชลโล คนหนึ่งทรัมเบต จะเป็นลักษณะนี้ แต่ Beatbox นั้น คนเดียวสามารถทำได้หลายๆ เสียงพร้อมกัน Beatbox ? เป็นการทำเสียงดนตรีจากปาก เป็นเสียงกลองบ้าง เสียง Scracth แผ่นเหมือนพวกดีเจบ้าง หรืออาจเป็นเสียงจากเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ

ประวัติความเป็นมาของ Beatboxเริ่มต้นที่นิวยอร์กช่วงปลาย ค.ศ.1970 หรือช่วงต้นปี ค.ศ.1980 โดยศิลปินที่ทำมักจะเป็นฮิปฮอป ในช่วงแรกนั้นก็ยังไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก พอถึงช่วงปีค.ศ.1980-1990 ก็เป็นช่วงที่มันค่อนข้างเงียบหายไป

แต่พอถึงช่วงปีค.ศ.1995-1996 มีศิลปินสองคนที่จุดกระแสให้ Beatbox กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งคือ และKennyMuhammadสองศิลปินชาวอเมริกัน จากนั้นพอถึงช่วงปลายปีค.ศ.1990 หรือช่วงต้นปี ค.ศ.2000 Beatbox ก็ข้ามน้ำข้ามทะเลไปดังอยู่แถบยุโรป ในประเทศอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน

Beatbox จัดอยู่ในประเภทเดียวกับ A Cappella เพราะมันเป็นดนตรีที่ทำเสียงด้วยปากเหมือนกัน แต่อาจจะต่างสไตล์กัน เพราะพวก A Cappella จะเน้นหนักไปที่การร้อง แต่การ Beatbox มันจะเน้นที่จังหวะ

วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555

เกอิชา



เมื่อได้ยินคำว่า “เกอิชา” คนส่วนใหญ่มักจะเห็นภาพหญิงโสเภณี ที่ขายเรือนร่างของตน ให้ชายเชยชม แต่แท้จริงแล้วพวกเธอมี “ระดับ” และศักดิ์ศรีสูงกว่าโสเภณีมากมาย

กว่าจะเป็นเกอิชาได้นั้น เธอจะต้องเรียนรู้ศิลปะแห่งการปรนนิบัติทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นกิริยามารยาทอันอ่อนน้อมในการต้อนรับแขก วิธีการชงน้ำชา การร้องรำ และเล่นดนตรี ซึ่งศิลปกรรมเหล่านี้จะต้องฝึกฝนมาแต่เด็ก และมักเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมาหลายชั่วคนในตระกูล นอกจากนี้ “เกอิชา” ยังเป็นคำที่โลกภายนอกเรียกขาน แต่ในญี่ปุ่นพวกเธอส่วนใหญ่จะถูกเรียกว่า “มาอิโกะ” หรือนักร่ายรำ และ “เกอิโกะ” ผู้มีศิลปะ

วัฒนธรรมเกอิชามีมาแต่ครั้งศตวรรษที่ 17 โดยเฉพาะภายในเมืองเกียวโต ที่เคยเป็นนครหลวงเดิมมานานกว่าพันปี (จนถึง ค.ศ. 1868 สมัยราชวงศ์เมยจิ ที่ตั้งโตเกียวเป็นเมืองหลวง) ภายในเกียวโต ซึ่งมี ศาสนสถานโบราณหลายแห่ง ทั้งวิหารชินโต และวัดพระพุทธศาสนานั้น ขณะเดียวกัน ก็ยังมีย่านที่เรียกกันว่า ฮานามาชิ อันเป็นอาณาเขตที่ใช้สำหรับ การเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ และในย่านนี่เองเป็นที่ตั้งของ โอชายะ หรือสถานน้ำชาที่มี มาอิโกะและเกอิโกะ คอยให้บริการปรนนิบัติในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ซึ่งธุรกิจโรงน้ำชารุ่งเรืองสุดขีดนั้น กิออน ซึ่งเป็นย่านฮานามาชิใหญ่ที่สุดในเกียวโต มีโรงน้ำชาถึง 700 แห่ง และมีเกอิชามากกว่า 3,000 นาง ประจำทำงานอยู่

หากถามว่าทำไมสาวญี่ปุ่น จึงมาประกอบอาชีพเป็นเกอิชา
คำตอบมีอยู่หลายประการ แรกสุดนั้นก็คือความจนนั่นเอง เกอิชาหลายคนมาจากชนบท ด้วยความใฝ่ฝันว่า จะมีชีวิตในเมืองที่ดีกว่า ไม่ต้องทำงานหนักในไร่นา เธอจะได้ฝึกฝนร่ำเรียน ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ ที่สำคัญคือเธอจะได้มีโอกาส พบกับบุรุษที่ร่ำรวย ที่เข้ามาใช้บริการในสถานน้ำชา และถ้าฝันของเธอเป็นจริง เธอก็จะได้แต่งงานและมีหลัก มีฐานต่อไป
หากทว่าในปัจจุบันนี้ ความยากจนได้หมดไป จากประเทศญี่ปุ่นแล้ว ผู้หญิงมีโอกาสหางานดีๆ ได้มากมาย ความสนใจที่จะมาเป็นเกอิชาคอย ปรนนิบัติบุรุษเพศก็หมดสิ้นไป ทุกวันนี้มีมาอิโกะ หรือสาวนาฏศิลป์อยู่ในเกียวโตเพียง 55 คน และทุกย่านฮานามาชิก็กำลังขาดแคลน เกอิชามาปฏิบัติงาน จะมีก็เพียงสาวเกอิชาที่สืบทอด วิชาปรนนิบัติตามอาชีพดั้งเดิม ของตระกูลเท่านั้น